มีแต่โบราณกาล เป็นสุภาษิตสาร กลดั่งสร้อยสอดคล้อง | นมนาน เก่าพร้อง สอนจิต เวี่ยไว้ในกรรณ |
ไตรรัตน์จัดเบญจางค์ จักพร้องโลกนิติปาง อรรถอื่นอ้างเลศล้อม | อุตมางค์ แจ่มพร้อม สดับแต่ เดิมพ่อ ต่างต้องคัมภีร์ |
ไตรรัตน์เรียบไตรทวาร โลกนิติสืบสาร เตือนจิตสาธุชนเช้า | บวรมาลย์มิ่งแฮ เวียดเกล้า ของเก่า ค่ำค้ำชูใจ |
คือบิดามารดาอาจารย์ เชาเจ้าจ่อมใจบาณ เบิกศิลปปรีชาแท้ | แก่นสาร เจี่ยวแล้ ทิตร่ำ เรียนแฮ เลิศแล้วเมธี |
ใบก็เหม็นคาวปลา คือคนหมู่ไปหา ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง | ใบคา คละคลุ้ง คบเพื่อน พาลนา เฟื่องให้เสียพงศ์ |
หอมระรวยรสพา คือคนเสพเสน่หา ความสุขซาบฤาม้วย | กฤษณา เพริศด้วย นักปราชญ์ ดุจไม้กลิ่นหอม |
ภายนอกแดงดูฉัน ภายในย่อมแมลงวัน ดุจดังคนใจร้าย | มีพรรณ ชาดบ้าย หนอนบ่อน นอกนั้นดูงาม |
ภายนอกเห็นหนามหนา ภายในย่อมรสา สาธุชนนั้นแล้ | สาขา หนั่นแท้ เอมโอช เลิศด้วยดวงใจ |
ภายนอกหมดใสสี กินสัตว์เสพปลามี เฉกเช่นชนชาติร้าย | ดูดี เปรียบฝ้าย ชีวิต นอกนั้นนวลงาม |
ภายนอกเพียงพึงชัง เสพสัตว์ที่มรณัง ดังจิตสาธุชนกล้า | รุงรัง ชั่วช้า นฤโทษ กลั่นสร้างทางผล |
ไปสู่หาบัณทิต ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ คือจวักตักเข้า | ทุรจิต ค่ำเช้า บ่ทราบ ใจนา ห่อนรู้รสแกง |
ได้สดับปราชญ์เจรจา ยินคำบัดเดี๋ยวมา คือมลิ้นคนผู้ | ปัญญา อาจรู้ ซับซาบ ใจนา ทราบรู้รสแกง |
กูสี่ตีนกูพบ อย่ากลัวท่านอย่าหลบ ท่านสี่ตีนอย่าได้ | ชวนรบ ท่านไซร้ หลีกจาก กูนา วากเว้วางหนี |
ทรชาติครั้นเห็นกู ฤามึงใคร่รบดนู กูเกลียดมึงกูให้ | พาลหมู เกลียดใกล้ มึงมาศ เองนา พ่ายแพ้ภัยตัว |
ฤาห่อนรู้รสมาลย์ ภุมราอยู่ไกลสถาน บินโบกมาค้อยค้อย | บัวบาน หนึ่งน้อย นับโยชน์ ก็ดี เกลือกเคล้าเสาวคนธ์ |
ใจจักสอนใจเอง ใจปราชญ์ดัดตามเพลง ดุจช่างปืนดัดไม้ | โฉงเฉง ไป่ได้ พลันง่าย แต่งให้ปืนตรง |
คือสัปบุรุษสอนตาม ไม้ผุดังคนทราม ดัดก็หักแหลกแล้ | นวยงาม ง่ายแท้ สอนยาก ห่อนรื้อโดยตาม |
สองประการนิยม หนึ่งพาลหนึ่งอุดม สองสิ่งนี้จงให้ | สมาคม กล่าวไว้ นักปราชญ์ เลือกรู้สมาคม |
จักทุกข์ทนเนานาน ใครเสพท่วยทรงญาณ เสวยสุขล้ำเลิศแท้ | คนพาล เนิ่นแท้ เปรมปราชญ์ เพราะได้สดับดี |
อยู่ร่วมเรือนหายทุกข์ ผู้พาลสั่งสอนปลุก ยลเยี่ยงนกแขกเต้า | เป็นสุข ค่ำเช้า ใจดั่ง พาลนา ตกต้องมือโจร |
จะละหลีกพาลอัน จงสร้างสืบบุญธรรม์ จงนึกนิตย์ชีพคล้าย | บุญกรรม์ ชั่วร้าย ทุกเมื่อ ดุจด้วยฟองชล |
พาตระกูลเหมหงส์ คบคนชั่วจักปลง ตราบลูกหลานเหลนม้วย | เสียพงศ์ แหลกด้วย ความชอบ เสียนา ไม่ม้วยนินทา |
งูจะเข็บพิษวาง ทรชนทั่วสรรพางค์ เพราะประพฤติมันเกี้ยว | พิษหาง แห่งเขี้ยว พิษอยู่ เกี่ยงร้ายแกมดี |
นาคีมีพิษเพี้ยง เลื้อยบ่ทำเดโช พิษน้อยหยิ่งโยโส ชูแต่หางเองอ้า | สุริโย แช่มช้า แมลงป่อง อวดอ้างฤทธี |
ฝนทั่งเท่าเข็มเพียร คนเกียจเกลียดหน่ายเวียน กลอุทกในตระกร้า | นักเรียน ผ่ายหน้า วนจิต เปี่ยมล้นฤามี |
โอ่งอ่างพร่องชลชิง ผู้ปราชญ์ห่อนสุงสิง คนโฉดรู้น้อยก้อ | ฤาติง เฟื่องหม้อ เยียใหญ่ พลอดนั้นประมาณ |
คำกล่าวสาธุชนยืน ทุรชนกล่าวคำฝืน หัวเต่ายาวแล้วสั้น | หดคืน อย่างนั้น คำเล่า เล่ห์ลิ้นทรชน |
อย่าห่างศัตรูชิด คือไฟถ่านแรงฤทธิ์ แม้นดับแล้วบ่ไหม้ | อย่าสนิท อย่าใกล้ ถือถลาก มือนา หม่นต้องมือดำ |
พาลใช่มิตรอย่ามัก ครั้นคราวเคียดคุมชัก รู้เหตุสิ่งใดไซร้ | สนิทนัก กล่าวใกล้ เอาโทษ ใส่นา ส่อสิ้นกลางสนาม |
อย่าขบตอบต่อหมา ทรชนชาติช่วงทา อย่าโกรธอย่าหน้าบึ้ง | บาทา อย่าขึ้ง รุณโทษ ตอบถ้อยถือความ |
แล้วปลุกปองรสคนธ์ ตราบเท่าออกดอกผล ขมแห่งสะเดาน้อย | โทรมปน แอบอ้อย พวงดก หนึ่งรู้โรยรา |
หนามย่อมแหลมเองใคร จันทน์กฤษณาไฉน วงศ์แห่งนักปราชญ์ได้ | ฉันใด เซี่ยมได้ ใครอบ หอมฤา เพราะด้วยฉลาดเอง |
อ้อยหีบชานยังหวาน ช้างเข้าศึกเสี่ยมสาร บัณทิตแม้นทุกข์ร้อย | ดรธาน โอชอ้อย ยกย่าง งามนา เท่ารื้อลืมธรรม |
สีหราชเคียงโคนา ม้าต้นระคนลา นักปราชญ์พาลพาเต้า | ฝูงกา คลาดเคล้า เลวชาติ สีนี้ไฉนงาม |
พาลชาติเสาะกิ่งรก ภุมราเห็จเหินหก นักปราชญ์ฤาห่อนหม้าย | ลามก เรื่องร้าย หาบุษ บานนา หมั่นสู้แสวงธรรม |
ลิงบ่ปองรัตน์ปอง หมูปองอสุจิของ คนเคลิบเคลิ้มบ้าใบ้ | ปองทอง ลูกไม้ หอมห่อน ปองนา ห่อนรู้ปองธรรม |
แต่พยศยาไป่วาย ชาติเสือห่อนหายลาย กล้วยก็กล้วยคงกล้วย | ยาหาย ตราบม้วย ลบผ่อง กลับกล้ายฤๅมี |
ขุนปราบด้วยโยธา จักล้างพยศสา ยศศักดิ์ให้เท่าให้ | คณนา ราบได้ หัสยาก พยศนั้นฤาหาย |
หญิงเคียดอย่าระคน อย่าคบหมู่ทรชน บัณทิตแม้ตกต้อง | อับผล ร่วมห้อง สอนยาก โทษสู้สมาคม |
บมิหนักแผ่นธรณี หนักนักแต่กระลี อันจักทรงทานได้ | หากมี หน่อยไซร้ ลวงโลก แด่พื้นนรกานต์ |
ลมพยุพัดพา สรรเสริญแลนินทา ใจปราชญ์ฤาเฟื่องพื้น | ศิลา บ่ขึ้น คนกล่าว ห่อนได้จินต์จล |
ห้ามสุริยแสงจันทร์ ห้ามอายุให้หัน ห้ามดังนี้ไว้ได้ | มีควัน ส่องไซร้ คืนเล่า จึ่งห้ามนินทา |
หามณีจินดา ฝูงชนเกิดนานา หานักปราชญ์นั้นไซร้ | ศิลา ยากได้ ในโลก เลือกแล้วฤามี |
หาแก่นจันทน์กฤษณา ฝูงคนเกิดมีมา หาปราชญ์ฤาจักได้ | พฤกษา ยากไซร้ เหลือแหล่ ยากแท้ควรสงวน |
หาเงือกงูมังกร ทั่วด้าวพระนคร จักเสาะสัปปุรุษไซร้ | ชโลธร ยากได้ คนมาก มีนา ยากแท้จักมี |
บ่เปรียบกับดวงจันทร์ คนพาลมากอนันต์ จะเทียบเท่าปราชญ์ไซร้ | ถึงพัน หนึ่งได้ ในโลก ยากแท้ฤาถึง |
ช้างพึ่งพนาดร ภุมราบุษบากร นักปราชญ์เลี้ยงตัวได้ | สาคร ป่าไหม้ (ไม้) ครองร่าง ตนนา เพื่อด้วยปัญญา |
หมู่จระเข้เต่าปลา เข็ญใจพึ่งราชา ลูกอ่อนอ้อนกลืนกล้ำ | เวหา พึ่งน้ำ จอมราช เพื่อน้ำนมแรง |
เสือพึ่งไพรพงพี ความชั่วพึ่งความดี เรือพึ่งแรงน้ำน้ำ | ราวี เถื่อนถ้ำ เท็จพึ่ง จริงนา หากรู้คุณเรือ |
นมไก่ไก่สำคัญ หมู่โจรต่อโจรหัน เชิงปราชญ์ฉลาดกล่าวผู้ | เห็นกัน ไก่รู้ เห็นเล่ห์ กันนา ปราชญ์รู้ เชิงกัน |
ศีลชื่อปัญจางค์จัก ขวบเดียวเด็กรู้รัก พระตรัสสรรเสริญผู้ | นานนัก ไป่รู้ ษานิจ ศีลนา เด็กนั้นเกิดศรี |
ใจบ่มีปรีชา วันเดียวเด็กเกิดมา สรรเพชญ์บัณฑูรไว้ | พรรษา โหดไร้ ใจปราชญ์ เด็กนั้นควรยอ |
ความอุตส่าหฤามี เด็กเกิดขวบหนึ่งดี พระตรัสว่าเด็กน้อย | ขวบปี เท่าก้อย เพียรพาก นี่เนื้อเวไนย |
ธัมโมชอันโอฬาร เด็กน้อยเกิดประมาณ เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้ | เจียรกาล บ่รู้ วันหนึ่ง แก่ร้อยพรรษา |
ความเกิดแลความตาย วันเดียวเด็กหญิงชาย ลูกอ่อนนั้นยิ่งผู้ | ปีปลาย ไป่รู้ เห็นเกิด ตายนา แก่ร้อยปีปลาย |
บ่กล่าวให้หญิงชาย ดุจหญิงสกลกาย อยู่ร่วมเรือนผัวผู้ | มากหลาย ทั่วรู้ งามเลิศ โหดแท้ขันที |
เว้นที่ถามอันยัง เว้นเล่าลิขิตสัง เว้นดั่งกล่าวว่าผู้ | สดับฟัง ไป่รู้ เกตว่าง เว้นนา ปราชญ์ได้ฤามี |
กลกบเกิดอยู่ใน ไป่เห็นชเลไกล ชมว่าน้ำบ่อน้อย | เริงใจ สระจ้อย กลางสมุทร มากล้ำลึกเหลือ |
ใจขลาดมักอาจอง น้ำพร่องกละออมคง เฉาโฉดโอษฐ์อวดสู้ | เกลาทรง อวดสู้ กระฉอก ฉานนา ว่ารู้ใครเทียม |
รถใหญ่กว่ารัถยา เสือใหญ่กว่าวนา เรือเขื่องคับชเลแล้ | ไฉนหา ภักษ์เฮย ยากแท้ ไฉนอยู่ ได้แฮ แล่นโล้ไปไฉน |
แมวว่ากูพยัคฆี นกจอกว่าฤทธี คนประดากขุกมีข้า | ราชสีห์ แกว่นกล้า กูยิ่ง ครุฑนา ยิ่งนั้นแสนทวี |
ปัดเทียบเทียมรัตนอัน ทองเหลืองหลู่สุวรรณ พาลว่าตนเองอ้า | พระจันทร์ เอี่ยมข้า ธรรมชาติ อาจล้ำเลยกวี |
ไป่ว่าเสือมีฤทธิ์ เล็บเสือดั่งคมกฤช ครั้นปะปามล้มคว่ำ | โจมขวิด เลิศล้ำ เสือซ่อน ไว้นา จึ่งรู้จักเสือ |
ขัดเท่าขัดราคี นพคุณหมดใสสี ถึงบ่แต่งตั้งไว้ | เห็นมี เล่าไซร้ เสร็จโทษ แจ่มแจ้งไพบูลย์ |
เมรุพลวกปลวกสำรวล สีหราชร่ำคร่ำครวญ สุริยส่องยามเย็นเข้า | คลองสรวล ร่าเร้า สุนัขเยาะ หยันนา หิ่งห้อยยินดี |
หมาล่าวิฬาร์ผัน ครูล่าศิษย์และธรรม์ เสือล่าป่าแรมร้าง | จรจรัล สู่หล้าง คบเพื่อน พาลนา หมดไม้ไพรสณฑ์ |
ชีพบ่รักรักยศ สัตว์โลกซึ่งสมมติ ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้ | หยุดปลด ยิ่งไซร้ มีชาติ ยศซ้องสรรเสริญ |
ค้อนเหล็กรุมรันตี บ่เจ็บเท่าธุลี เจ็บแต่ท่านชั่งด้วย | แสนที ห่อนม้วย สักหยาด กล่ำน้อยหัวดำ |